ประวัติของข้าพเจ้า, Kagayaki Miyazaki19. เศรษฐกิจตกต่ำปี 1970

วิกฤตการณ์น้ำมันที่เล่นงานทั่วโลกในฤดูใบไม้ร่วง ปี 1973 ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อวงการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเช่นกันเนื่องจากการบริโภคซบเซาและการเพิ่มขึ้นสูงของค่าวัตถุดิบและค่าแรงทำให้มีบริษัทที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และไม่ว่าบริษัทใดก็ถูกต้อนให้ต้อง “บริหารงานแบบลดขนาด”
ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ Asahi Kasei เช่นกัน รายได้ของเราตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ในการปิดบัญชีประจำเดือนมีนาคม 1976 เราตกอยู่ในภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 2,300 ล้านเยน หลังจากนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นสภาพการประกอบการได้ เราตกต่ำถึงขั้นขาดทุนเป็นครั้งแรกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

เพื่อที่จะก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ดังกล่าวนี้ไปได้ ข้าพเจ้าตัดสินใจขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์และหุ้นที่มีอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ รายได้จากการขายสินทรัพย์สูงถึง 2 หมื่นล้านเยนในระยะเวลา 3 ปี หากไม่มีกำไรส่วนนี้เราจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลต่อไปได้ แน่นอนว่าเราลดจำนวนคนลงด้วยซึ่งภายในระยะเวลาดังกล่าวเราลดจำนวนพนักงานลงเกือบ 30%
อาจฟังดูเหมือนพูดง่าย ๆ ว่าลดคนงาน แต่สำหรับผู้บริหาร ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ลำบากใจยิ่งกว่านี้แล้ว แต่พนักงานจำนวนมากที่เข้าใจสภาพการณ์ของการบริหารงานบริษัทเต็มใจให้ความร่วมมือโดยบอกว่า “หากการลาออกของตนจะเป็นการช่วยให้บริษัทอยู่รอดก็จะยอม” ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณจากใจสำหรับความร่วมมือของพวกเขาเหล่านี้พร้อมกับสั่งการให้ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้หลังจากออกจากบริษัทไป ซึ่งผู้บริหารหน้างานก็ตอบรับและดำเนินการด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับข้าพเจ้า แต่ผลกระทบหลังวิกฤตการณ์น้ำมันไม่อาจแก้ได้โดยการดำเนินการด้วยเหตุและผลของแต่ละบริษัทเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของวงการทั้งหมด

ข้าพเจ้าเข้ารับตำแหน่งประธาน Japan Chemical Fibers Association อีกครั้งในเดือนเมษายน 1977 ท่ามกลางภาวะใยสังเคราะห์ตกต่ำ ข้าพเจ้าคิดที่จะวางมาตรการสำหรับอุปกรณ์ส่วนเกินเป็นอันดับแรกเพราะข้าพเจ้าเห็นว่าสาเหตุเบื้องต้นของภาวะใยสังเคราะห์ตกต่ำมาจากการที่เพิ่มเครื่องมืออุปกรณ์จนเกินจำเป็นในสมัยที่ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นอันดับแรก ข้าพเจ้ายื่นคำร้องขอการรวมกลุ่มผู้ผลิตในภาวะถดถอยแต่หนังสือพิมพ์ได้ตีแผ่ว่าศักยภาพในการผลิตจริงของอุปกรณ์กับตัวเลขในใบคำร้องไม่ตรงกัน ดังนั้นเราจึงต้องเพิกถอนคำร้องและเริ่มงานเพื่อแก้ส่วนต่างระหว่างศักยภาพจริงกับตัวเลขในใบคำร้อง
แต่งานนี้ยุ่งยากกว่าที่คิด มีการถกเถียงต่อสู้กันในที่ประชุมของประธานบริษัทด้วยกันแต่ทุกคนต่างก็ไม่พูดถึงอดีตที่ผ่านมาหากแต่ทุ่มเทความพยายามในการแก้ไขข้อมูลให้ตรงตามความเป็นจริง ผลจากความพยายามในครั้งนี้ก่อให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจระหว่างประธานบริษัทด้วยกันและแสดงตัวเลขที่ถูกต้องซึ่งกันและกัน
หากเป็นการพูดคุยกันเฉพาะระหว่างประธานบริษัทของแต่ละบริษัทอาจเข้าใจผิดตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาด เราจึงขอให้ผู้อำนวยการหรือผู้จัดการแผนกในกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมเข้าร่วมในที่ประชุมด้วย ในครั้งที่เราลำบากใจที่การยื่นคำร้องขอการรวมกลุ่มผู้ผลิตในภาวะถดถอยใช้เวลานานกว่าจะได้รับอนุมัติ ผู้อำนวยการสำนักงานที่รับผิดชอบในขณะนั้นได้ช่วยเป็นธุระให้เราโดยเดินเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมเพื่อรับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรี และสั่งการให้เราย่นระยะเวลาปฏิบัติการหลังจากที่ไม่ได้สั่งการเช่นนี้มาเป็นเวลา 12 ปีนับตั้งแต่กรณีเหล็ก
เท่านี้ทิศทางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เราได้โอกาสหลุดพ้นจากภาวะใยสังเคราะห์ตกต่ำจากการสั่งการให้ย่นระยะเวลาปฏิบัติการนี้เอง ข้าพเจ้ายังรู้สึกขอบคุณท่านนั้นจนถึงทุกวันนี้

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีเดียวกันได้มีการลดการผลิตโดยเฉลี่ย 20% ตามการชี้แนะของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม และในครึ่งปีต่อมาคือในเดือนเมษายน 1978 เราก็สามารถเริ่มรวมกลุ่มผู้ผลิตในภาวะถดถอยได้สำเร็จ
สำหรับการปรับปรุงโครงสร้าง เราได้รับการระบุเป็นประเภทธุรกิจที่ตกต่ำทางโครงสร้างตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการชั่วคราวเพื่อความมั่นคงทางอุตสาหกรรมตกต่ำจำเพาะ ท้ายที่สุดเราได้ทิ้งหรือระงับการใช้งานอุปกรณ์การผลิตถึงกว่า 17%
ที่ทั้งหมดทั้งปวงเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็เพราะว่าเกิดความเชื่อถือไว้วางใจระหว่างประธานบริษัทด้วยกันและมีบรรยากาศที่สามัคคีกัน เรียกได้ว่าการจัดที่ประชุมสำหรับประธานบริษัทได้ผลดีเป็นอย่างมาก

แต่น่าเสียดายที่การจัดระเบียบวงการใหม่ตามที่คุณ Shinzo Oya ประธานบริษัท Teijin (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ได้เสนอแนะนั้นไม่ได้รับความคิดเห็นที่ตรงกัน
โครงสร้างที่คุณ Oya เสนอคือจัดฝ่ายงานขายของแต่ละบริษัทออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ Teijin-Unitika, Toray-Kuraray, Mitsubishi Rayon-Toyobo และ Asahi Kasei-Kanebo
แต่แม้ว่าข้อเสนอแนะโดยรวมจะดี ในทางปฏิบัติจริงสำหรับแต่ละข้อปลีกย่อยเป็นไปได้ยาก ในที่สุดจึงเกิดเป็นกลุ่มบริษัทจำหน่ายร่วมเพียง 2 กลุ่ม คือ บริษัท “Diafibers” (เฉพาะงานอะคริลิก) ระหว่าง Mitsubishi Rayon-Toyobo และบริษัท “Nippon Synthetic Fibers” ระหว่าง Asahi Kasei-Kanebo

บริษัท Nippon Synthetic Fibers ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 1978 อยู่ในรูปแบบที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ร่วมจำหน่ายเฉพาะชื่อ” โดยที่พนักงานที่ส่งมาประจำจากทั้งสองบริษัทแยกกันขายเฉพาะผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าอำนวยประโยชน์ในการส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มบริษัทแม้จะมีส่วนขาดตกบกพร่องไปบ้าง
แม้จะผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายแต่การที่เราสามารถดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างด้วยความพยายามที่จะช่วยเหลือตนเองของวงการโดยรวมซึ่งไม่ได้รอพึ่งแต่การนำทางจากรัฐเท่านั้นเป็นการดำเนินการที่มีความหมายอย่างยิ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกว่านี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในวงการเส้นใยที่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์การย่นระยะเวลามาหลายต่อหลายครั้ง

  • บทความเกี่ยวกับ The Doller Shock ในนิตยสารภายในและหนังสือพิมพ์สหภาพปี 1971